December 9, 2021
ระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) นั้นมีไว้เพื่อทำการแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถของคุณมีความดันลมยางต่ำกว่ากำหนดควรทำการเติมลมยาง ถ้าหากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดสภาพการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย และถ้าหากคุณไม่เติมลมยางขับขี่รถด้วยยางอ่อนจะส่งผลทำให้ยางรถยนต์สึกหรอได้และที่แย่ไปกว่านั้นสามารถทำให้ยางแตกได้ เพราะฉะนั้นควรเติมลมยางให้มีแรงดันลมยางที่เหมาะสมอยู่เสมอ
เพราะการเติมลมยางให้เหมาะสมอยู่เสมอนั้นเป็นสิ่งจำเป็นต่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและยังยืดอายุการใช้ของยางรถยนต์รวมไปถึงสมรรถนะการใช้งานของยางรถยนต์ การเติมลมยางรถของคุณอย่างเหมาะสมยังช่วยให้ยางรถยนต์หมุนล้อได้ดีช่วยให้รถยนต์ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น
ถ้าหากคุณมีแรงดันลมยางที่อ่อนหรือเติมลมยางแข็งเกินไป ก็อาจจะส่งผลให้ยางรถยนต์ของคุณสึกหรอก่อนเวลาอันควรได้และยังเพิ่มความเสี่ยงที่ยางรถยนต์ของคุณอาจจะแตกได้ การเติมลมยางที่แข็งเกินไปนั้นยังอาจส่งผลให้รถของคุณมีประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนลดลง แถมยังทำให้ยางรถยนต์สึกหรอไวด้วยเช่นกัน และยางรถยนต์จะไม่สามารถดูดซับแรงกระแทกจากถนนได้ดีเท่าที่ควร เพราะยางรถยนต์ที่เติมลมยางมากเกินไปนั้นมีการสึกหรอของหน้ายางไม่สม่ำเสมอ และส่วนการปล่อยให้ลมยางอ่อนเกินไปก็จะทำให้การขับเคลื่อนรถของคุณมีการตอบสนองช้าและยังทำให้รถของคุณกินน้ำมันกว่าปกติอีกด้วย แรงดันลมยางที่อ่อนไปก็จะส่งผลให้บริเวณไหล่ยางรถยนต์เกิดการสึกหรอก่อนเวลาอันควรอีกด้วย
เพราะฉะนั้นไฟแรงดันลมยาง (TPMS) จึงมีความสำคัญเพราะจะคอยช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ในขณะที่คุณขับขี่รถมีความดันลมยางต่ำเกินไป โดยไฟแรงดันลมยาง (TPMS) จะสว่างขึ้นแต่ก็อาจจะไม่ใช่แจ้งเตือนเพียงความดันลมยางต่ำเกินไปเท่านั้นไฟแรงดันลมยาง (TPMS) จะสว่างขึ้นจะมีความหมายแตกต่างกัน มาดูกันว่าไฟแรงดันลมยาง (TPMS) มีความหมายถึงอะไรได้บ้าง
เมื่อไฟแรงดันลมยาง (TPMS) ติดสว่างขึ้นสิ่งแรกที่คุณจะต้องทำก็คือการตรวจสอบความดันลมยางรถยนต์ของคุณด้วยใช้มาตรวัดที่เติมลมยางวัดก่อนว่าลมยางอ่อนหรือไม่และถ้ายางลมอ่อนเกิดไปก็ควรทำการเติมลมยางทันที เพราะระบบไฟแรงดันลมยาง (TPMS) นั้นไม่สามารถทำการดูแลบำรุงรักษาได้ที่ ระบบไฟแรงดันลมยาง (TPMS) เป็นเพียงแค่ตัวช่วยที่คอยแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อความดันลมยางต่ำกว่ากำหนดเท่านั้น ซึ่งบางครั้งความดันลมยางก็อาจจะอ่อนมาสักพักแล้วก่อนที่ไฟแรงดันลมยาง (TPMS) จะแจ้งเตือนเสียอีก เพราะฉะนั้นผู้ขับขี่ควรตรวจสอบและเติมลมยางเป็นประจำทุกเดือน จะดีกว่าปล่อยให้ไฟแรงดันลมยาง (TPMS) แจ้งเตือน
เมื่อไฟแรงดันยาง (TPMS) ติดสว่างขึ้นและค้างอยู่อย่างนั้น สิ่งที่น่าจะเป็นที่สุดก็คือยางรถยนต์ที่มีความดันลมยางต่ำกว่ากำหนด ดังนั้นคุณควรตรวจสอบความดันลมยางหรือคุณอาจจะเติมลมยางก่อนและหาร้านซ่อมบำรุงยางรถยนต์เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้ง
เมื่อไฟแรงดันยาง (TPMS) ของคุณติดๆ ดับ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อความดันลมยางลดลงในชั่วข้ามคืนเนื่องจากอุณหภูมิโดยรอบรถยนต์ลดลงจึงทำให้ไฟแรงดันยาง (TPMS) ติดสว่างขึ้นมา ไฟอาจจะดับลงในช่วงเวลากลางวัน เนื่องจากอุณหภูมิรอบๆ ที่สูงขึ้นหรือเกิดจากความร้อนที่มาจากการขับขี่รถยนต์ ดังนั้นคุณควรใช้มาตรวัดเพื่อตรวจสอบความดันลมยาง และเติมลมยางเข้าไปในยางที่มีความดันลมยางอ่อน
หากไฟแรงดันยาง (TPMS) กะพริบเป็นเวลา 60-90 วินาทีทุกๆ ครั้งที่คุณสตาร์ทรถ แล้วยังคงสว่างอยู่ นั่นแสดงว่า ระบบไฟแรงดันยาง (TPMS) ของคุณทำงานผิดปกติ ถ้าหากมีอาการเช่นควรรีบนำรถยนต์ไปที่ศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบระบบไฟแรงดันยาง (TPMS) โดยช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ตรวจสอบความดันลมยางทั้งหมดด้วยมาตรวัดและเติมลมยางให้เหมาะสม
การที่ใช้ระบบไฟแรงดันยาง (TPMS) แทนการตรวจวัดแรงดันลมยางแบบปกตินั้น เป็นสิ่งไม่สามารถทำแทนกันได้ เพราะว่าระบบไฟแรงดันยาง (TPMS) มีหน้าที่เพียงแค่แจ้งเตือนเท่านั้น สุดท้ายแล้วผู้ขับขี่ก็ต้องทำการตรวจสอบและเติมลมยางเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งระบบไฟแรงดันยาง (TPMS) ไม่สามารถทดแทนการตรวจเช็คแรงดันลมยางแบบปกติได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดดังต่อไปนี้
• ไฟแจ้งเตือนของระบบไฟแรงดันยาง (TPMS) อาจถูกตั้งค่าให้ติดสว่างด้วยค่าที่ต่ำกว่าความดันลมยางที่จำเป็นสำหรับรับน้ำหนักบรรทุกเพราะฉะนั้นการที่ผู้ขับขี่ทำการตรวจสอบและเติมลมยางเป็นประจำทุกเดือนคงเป็นข้อปฏิบัติที่ถูกต้องที่สุด
• บางครั้งเซนเซอร์ก็อาจส่งข้อมูลความดันลมยางที่ไม่แม่นยำก็เป็นได้
• ระบบไฟแรงดันยาง (TPMS) ไม่อาจระบุได้อย่างแม่นยำว่าความดันลมยางต่ำเกินไปหรือควรเติมลมยางได้
แม้จะมีระบบไฟแรงดันยาง (TPMS) แล้วแต่ผู้ขับขี่ก็ควรทำการตรวจสอบแรงดันลมยางและเติมลมยางด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูแลยางรถยนต์และรถของคุณด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยของคุณเองและผู้โดยสาร ดังนั้นคุณควรตรวจสอบความดันลมยางและการเติมลมยางเดือนละครั้งและก่อนเดินทางไกล หรือเมื่อรถยนต์จะต้องบรรทุกน้ำหนักมากกว่าก็ควรเติมลมยางพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
#เติมลมยาง #เติมลมยางธรรมดา #เติมลมยางไนโตรเจน
แรงดันลมยางและเติมลมยางเป็นสิ่งจำเป็นต้องตรวจเช็คเป็นประจำทุกเดือน เพื่อการขับขี่ที่นิ่มนวลและปลอดภัยตลอดการเดินทาง และมีอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้รถยนต์ของคุณมีการทรงตัวที่เหมาะสมนำไปสู่การขับขี่ที่นุ่มนวลขึ้น ลดการสึกหรอของยางรถยนต์คือ การตั้งศูนย์ และ ถ่วงล้อ สามารถติดตามอ่านต่อได้ที่บทความ"สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่ารถยนต์ ของคุณควรตั้งศูนย์ และ ถ่วงล้อ"
เพราะยางรถยนต์ถือว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญสำหรับรถยนต์ของคุณ ควรดูแลและเติมลมยางให้เหมาะสมอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ถนนและคนที่คุณรัก เพื่อให้แน่ใจว่ายางรถยนต์ ของคุณได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง แวะมาที่ค็อกพิท เรามีเครื่องมือที่ทันสมัยและทีมช่างผู้ชำนาญงาน ที่จะช่วยดูแลตรวจเช็คความปลอดภัยเบื้องต้น พร้อมตรวจเช็คครอบคลุมชิ้นส่วนและอะไหล่สำคัญ ที่จะทำให้ผู้ใช้บริการอุ่นใจและมั่นใจทุกครั้งเมื่อนำรถมาเข้ารับบริการซึ่งเราจะให้บริการด้วยเวลาที่เหมาะสมจากบริการที่รวดเร็ว ราคาที่เหมาะสม และคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของผู้มาใช้บริการ
#เติมลมยาง #เติมลมยางธรรมดา #เติมลมยางไนโตรเจน
ค้นหาศูนย์บริการใกล้บ้าน https://www.cockpit.co.th/stores
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม แบบคนกันเองได้ที่ Call center 1369
#คุ้มครบไวอุ่นใจที่ค็อกพิท
"คุ้มครบไว อุ่นใจที่ค็อกพิท"
Copyright © 2025 Bridgestone Sales (Thailand) Co.,Ltd. All Right Reserved.