6 สาเหตุที่แอร์รถไม่ทำงานในวันที่สภาพอากาศร้อน

  1. อาจมีการรั่วไหลของสารทำความเย็น
สารทำความเย็นเป็นส่วนสำคัญของระบบปรับอากาศในรถยนต์ของคุณ เป็นส่วนที่ทำให้แอร์รถมีอากาศร้อน หากไม่มีสารทำความเย็น ระบบปรับอากาศในรถยนต์ของคุณก็ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากรถมีจุดรั่วไหลของสารทำความเย็น ระบบปรับอากาศในรถยนต์จะเป่าลมร้อนออกมาแทนลมเย็น ดังนั้นคุณจะตรวจสอบหาจุดรั่วไหลและต้องเติมน้ำยาทำความเย็นใหม่อีกครั้ง

  2. คอนเดนเซอร์หรือคอยล์ร้อนทำงานผิดพลาด
เพื่อให้รถของคุณเย็น สารทำความเย็นจะต้องดูดซับความร้อนจากอากาศและกลายเป็นไอ คอนเดนเซอร์ของเครื่องปรับอากาศมีหน้าที่เปลี่ยนสารทำความเย็นที่เป็นก๊าซกลับเป็นสถานะของเหลว ซึ่งช่วยให้ระบบปรับอากาศดำเนินได้อย่างสมบูรณ์

  3. คอมเพรสเซอร์แอร์หรือคลัตช์ไม่ทำงาน
คอมเพรสเซอร์คือหัวใจหลักของระบบปรับอากาศ เนื่องจากจะคอยทำหน้าที่หมุนเวียนสารทำความเย็นผ่านระบบ ดังนั้นหากคอมเพรสเซอร์ของคุณไม่ทำงานหรือคลัตช์คอมเพรสเซอร์หรือสวิตช์คลัตช์ที่ไม่ทำงานก็อาจเป็นตัวการทำให้แอร์รถไม่เย็นได้เช่นกัน

  4. ท่อหรือไส้กรองอากาศอาจอุดตัน
หากการไหลเวียนของอากาศในระบบปรับอากาศลดลง โดยเฉพาะหากคุณสังเกตเห็นกลิ่นอับที่มาจากช่องระบายอากาศของคุณ ไส้กรองอาจอุดตัน จากสิ่งสกปรกและแบคทีเรียสะสมอยู่ในช่องระบายอากาศ จนทำให้การไหลเวียนของอากาศลดลง

  5. พัดลมโบลเวอร์แอร์ทำงานไม่ถูกต้อง
มอเตอร์โบลเวอร์มีหน้าที่ดันอากาศผ่านช่องระบายอากาศภายในรถของคุณ ดังนั้นหากคุณไม่มีลมไหลผ่านช่องระบายอากาศเลย เป็นไปได้ว่ามอเตอร์โบลเวอร์ทำงานผิดพลาด

  6. ปัญหาในระบบไฟฟ้าของคุณ
ฟิวส์ขาด รีเลย์เสีย และไฟฟ้าลัดวงจร มักเป็นสาเหตุของปัญหาแทบทุกระบบในรถยนต์ของคุณ และเครื่องปรับอากาศ หากระบบปรับอากาศไม่เย็น อาจเกิดจากปัญหาทางระบบไฟฟ้าควรนำรถเข้ารับตรวจสภาพรถ เพื่อตรวจสอบหาสิ่งผิดปกติ
#ตรวจสภาพรถ #เช็คราคาตรวจสภาพรถ #ร้านตรวจสภาพรถ #ศูนย์ตรวจสภาพรถ #ตรวจสภาพรถ ที่ค็อกพิท

  หากผู้ขับขี่ประสบปัญหาดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ทางออกที่ดีที่สุดคือนำรถเข้ารับบริการตรวจสภาพรถทันที ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลอดภัยที่สุด ควรนำรถไปพบกับช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเช็คความถูกต้องและแม่นยำ หรือถ้าพบว่ารถของคุณมีอาการแปลกๆ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนหรือต้องการให้แน่ใจว่ารถพร้อมใช้งานสำหรับการเดินทาง สิ่งที่ควรปฏิบัติต่อรถของคุณคือการนำรถเข้าตรวจสภาพรถอย่างละเอียดตามระยะเวลาที่คู่มือรถแนะนำ ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยให้คุณรักษาสมรรถนะรถของคุณให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ